หลังจากการเบรกกะทันหัน เพื่อให้ผ้าเบรกอยู่ในสภาพปกติและมั่นใจในความปลอดภัยในการขับขี่ เราสามารถตรวจสอบได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนแรก: หาสถานที่จอดรถที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะบนถนนเรียบหรือในลานจอดรถ ดับเครื่องยนต์และดึงเบรกมือเพื่อให้แน่ใจว่ารถอยู่ในสถานะที่มั่นคง
ขั้นตอนที่ 2: เปิดประตูและเตรียมตรวจสอบผ้าเบรก ผ้าเบรกอาจร้อนจัดหลังจากเบรกแรงๆ ก่อนตรวจสอบ คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผ้าเบรกเย็นลงแล้วเพื่อไม่ให้นิ้วไหม้
ขั้นตอนที่ 3: เริ่มตรวจสอบผ้าเบรกหน้า ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผ้าเบรกล้อหน้าสึกมากขึ้น ขั้นแรก ตรวจสอบว่ารถหยุดแล้วและถอดล้อหน้าออกอย่างปลอดภัย (โดยปกติจะใช้แม่แรงในการยกรถ) จากนั้นใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น ประแจหรือประแจกระบอก ถอดสลักเกลียวยึดออกจากผ้าเบรก ถอดผ้าเบรกออกจากคาลิเปอร์เบรกอย่างระมัดระวัง
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบระดับการสึกหรอของผ้าเบรก ดูที่ด้านข้างของผ้าเบรกก็จะเห็นความหนาการสึกหรอของผ้าเบรก โดยทั่วไปความหนาของผ้าเบรกใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 10 มม. หากความหนาของผ้าเบรกลดลงต่ำกว่าตัวบ่งชี้ขนาดเล็กมาตรฐานของผู้ผลิต จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรก
ขั้นตอนที่ 5: ตรวจสอบสถานะพื้นผิวของผ้าเบรก ด้วยการสังเกตและการสัมผัส คุณสามารถระบุได้ว่าผ้าเบรกมีรอยแตก การสึกหรอไม่สม่ำเสมอ หรือการสึกหรอของพื้นผิวหรือไม่ ผ้าเบรกธรรมดาควรแบนและไม่มีรอยแตก หากผ้าเบรกมีการสึกหรอหรือรอยแตกผิดปกติ ก็ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกด้วย
ขั้นตอนที่ 6: ตรวจสอบโลหะของผ้าเบรก ผ้าเบรกขั้นสูงบางรุ่นมาพร้อมกับแผ่นโลหะเพื่อให้มีเสียงเตือนเมื่อเบรก ตรวจสอบการมีแถบโลหะและการสัมผัสกับผ้าเบรก หากหน้าสัมผัสระหว่างแผ่นโลหะกับผ้าเบรกสึกหรอมากเกินไป หรือแผ่นโลหะหายไป จำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรก
ขั้นตอนที่ 7: ทำซ้ำขั้นตอนข้างต้นเพื่อตรวจสอบผ้าเบรกอีกด้านหนึ่ง ต้องแน่ใจว่าได้ตรวจสอบผ้าเบรกหน้าและหลังของรถพร้อมๆ กัน เนื่องจากอาจสึกหรอในองศาที่ต่างกัน
ขั้นตอนที่ 8: หากพบสถานการณ์ผิดปกติระหว่างการตรวจสอบแนะนำให้ติดต่อช่างซ่อมรถยนต์มืออาชีพทันทีหรือไปที่ร้านซ่อมรถยนต์เพื่อซ่อมแซมและเปลี่ยนผ้าเบรก
โดยทั่วไปหลังจากการเบรกกะทันหันอาจส่งผลต่อสภาพผ้าเบรกได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการตรวจสอบการสึกหรอและสภาพของผ้าเบรกอย่างสม่ำเสมอทำให้มั่นใจได้ถึงการทำงานปกติของระบบเบรกจึงมั่นใจในความปลอดภัยในการขับขี่
เวลาโพสต์: 31 ต.ค.-2024